top of page
Search

อธิบาย Ki (気) สไตล์ millennials

  • Writer: ケイ
    ケイ
  • May 10, 2019
  • 1 min read


เซ็งมั้ยเวลาเล่นมือถือแล้วแป๊ปๆแบตฯหมด เปิดแอปช้า เล่นๆแล้วแฮงค์? หากอธิบายอาการเหล่านี้ด้วยภาษาจีนโบราณเขาก็อาจจะบอกได้ว่าเป็นเพราะ "คิ" ของมือถือมันไม่ดี! เวลามือถือแบตฯอ่อนแบตฯหมดเราก็จะเสียบชาร์ตไฟ นี่เปรียบได้กับการนำคิหรือ "พลังชีวิต" เข้าจากภายนอกด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ มือถือพอใช้ไปหลายเดือนเข้าแบตฯก็เหมือนจะหมดเร็วขึ้น เพราะความจุพลังงานไฟฟ้าของแบตฯมันน้อยลง เช่นจากแรกๆที่มีเต็ม 3,000 mAh ใช้ไปเรื่อยๆต่อให้ชาร์ตเต็มก็อาจจะจุได้แค่ 2,800 mAh เป็นต้น นี่ก็เปรียบได้กับความจุคิหรือพลังชีวิตของคนเราที่น้อยลงเมื่อเราอายุมากขึ้น ต่อให้กินของดีๆเต็มที่เหมือนเดิมกำลังและความแข็งแรงของร่างกายที่ได้จากการ "ชาร์ต" พลังชีวิตก็จะไม่เหมือนสมัยอายุน้อย ปัญหานี้ถ้าเป็นแบตฯมือถือเราก็อาจจะทนใช้ไปจนพอรู้สึกว่ามันหมดเร็วเกินไปก็ต้องเข้าศูนย์ฯไปเปลี่ยนแบตฯใหม่ให้ความจุมันเต็มได้เหมือนเดิม แล้วสำหรับร่างกายคนจะทำยังไงล่ะ? ปัญหานี้นักปราชญ์สมัยโบราณได้คิดไว้แล้วเมื่อหลายพันปีก่อนในรูปของวิชาโยคะที่ภายหลังถูกนำมาดัดแปลงเป็นการบริหารร่างกายหลายรูปแบบเช่น จีกง ไท่เก๊ก หย่งชุน หรือแม้แต่คาราเต้ ที่มีการขยับร่างกายประสานกับการหายใจในรูปแบบต่างๆเพื่อ "เพิ่มแอมป์" ให้กับแบตฯพลังชีวิต หรือสร้างคิให้ร่างกายสามารถจุพลังชีวิตได้มากขึ้นแม้อายุจากมากขึ้นก็ตาม


แล้วถ้ามือถือโหลดหรือเปิดแอปช้าล่ะเราทำยังไง? โดยมากเราก็จะปิด background apps ที่ไม่ได้ใช้ออกไปซะ หากอาการหนักเข้าเราก็ปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่ซะเลยให้มันเคลียร์ catch หรือสิ่งไม่จำที่ค้างอยู่ใน RAM เป็นออกไปให้หมด แอปที่เราต้องการใช้จะได้เรียกใช้ CPU และหน่วยความจำได้เต็มที่ นี่ก็เปรียบได้กับการปล่อยวางความคิดที่ไม่จำเป็นและโฟกัสอยู่กับสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นท่าต่างๆในโยคะ หรือท่ารำในมวยจีน หรือคาตะในคาราเต้ หรือแม้แต่นั่งสมาธิเฉยๆ กิจกรรมเหล่านี้คือการฝึกสมาธิเดินลมปราณ (อันเป็นภาหนะของคิ) ไปตามส่วนต่างๆของร่างกายอย่างมีสติ ไม่ให้รั่วไหลไปทางโน้นที่ทางนี้ที่โดยที่เราไม่รู้ตัว


เมื่อเราฝึกสติจนเป็นนิจแล้ว ต่อให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน หรืองานด่วนเข้าเป็นกองโดยไม่ทันตั้งตัว เราก็จะสามารถตั้งสติจัดระเบียบความคิดเพื่อรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเป็นระบบ ไม่ร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก เหมือนมือถือที่พอเจองานหนักๆเข้าก็แฮงค์เดี้ยงไปเดื้อๆ


อย่างที่เขียนไว้ในบทความที่แล้วเกี่ยวกับคิ (気 ki) ว่ามันคือพลังชีวิตที่ถ้าเราคิ "ดี" หรือแข็งแรง เราก็จะสุขภาพดี ถ้าคิ "ไม่ดี" หรืออ่อนแอ เราก็จะป่วย คิคือต้นกำเนิดชีวิต การมีคิคือการมีชีวิต ไม่มีคิคือไม่มีชีวิต นี่คือภาษาที่คนโบราณใช้ในการอธิบายที่มาและการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต แม้วิทยาศาสตร์ปัจจุบันจะยังไม่ยอมรับแนวคิดเรื่องคิ เพราะตรวจวัดไม่ได้ หรือไม่รู้จะวัดยังไงก็ตาม แนวคิดเรื่องคิก็เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาศาสตร์ต่างๆตั้งแต่สมัยโบราณที่วิทยาศาสตร์เองก็ยอมรับว่าศาสตร์เหล่านั้นมีส่วนสำคัญที่ทำให้สุขภาพกายและสุขภาพจิตของคนดีขึ้นได้จริงๆ คน Gen Y หรือ millennials อาจมองว่าคิเป็นเรื่องงมงายของคนหัวโบราณที่ดูจะไกลตัวเข้าใจยาก แต่หากเปรียบกับของใกลัตัวอย่างมือถือที่เราใช้กับอยู่แทบจะตลอดเวลาดังตัวอย่างข้างบน ก็จะเข้าใจได้ไม่ยากว่าจริงๆแล้วคิมันเป็นเรื่องใกล้ตัวขนาดไหน แล้วเราจะใช้แนวคิดนี้ในการทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้อย่างไร


PS: บางที่หนัง Star War อาจจะเอาแนวคิดเรื่องคิมาขยายความเป็น The Force ของเจไดก็ได้ และประโยคที่เจไดทักทายหรือให้กำลังใจกันว่า May the force be with you หากแปลตามตัวอักษรแล้วก็จะคล้ายกับคำที่คนญี่ปุ่นทักกันว่า 元気? (เกงคิ?) ซึ่งก็ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเปล่า :D


ภาพจาก: https://www.amazon.com/dp/B07GQHC22R/

 
 
 

留言


©2019 by Karate Phitsanulok. Proudly created with Wix.com

Subscribe Form

bottom of page